ยินดีต้อนรับ สู่ ปักษ์ใต้เมืองพระ

ยินดีต้อนรับ สู่ พระเมือง ใต้เป็นบล็อกที่รวมเกี่ยวกับประวัติและวัตถุมงคลของพระในภาคใต้ ที่เป็นที่รู้จัก และไม่ค่อยรู้จัก
เป็นเว็บที่รวบรวมพระเครื่อง พระเหรียญ ดังๆ ต่างๆในภาคใต้เอาไว้

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

พ่อท่านเขียวเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง



ตายไม่เน่า...เผาไม่ไหม้



ในเมืองไทเรามีพระสงฆ์ผู้มีความศักสิทธิ์ก็อยู่หลายรูป

แต่จะหาอริยะสงฆ์แบบพ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช นั้นคงน้อยมากๆ เพราะว่าอะไรเราลองมาหาคำตอบกันดีกว่าครับ

“วัดหรงบน” เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ยังมีการติดต่อได้ลำบาก จากลุ่มน้ำปากพนัง ต้องล่องเรือนานกว่าชั่วโมง ก่อนขึ้นฝั่งที่ บางตะพงษ์ แล้วจะต้องเดินลัดเลาะข้ามทุ่งหญ้าไปอีกไกล จึงจะถึงวัดหรงบน เพื่อกราบนมัสการ “พ่อท่านเขียว” เกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำปากพนัง เนื่องจากไม่มีถนนเข้าไปถึง อีกทั้ง “พ่อท่านเขียว” ก็ยังไม่มีคนต่างถิ่น รู้จักมากนัก นานทีจึงจะมีคนเข้าไปกราบนมัสการท่าน
“พ่อท่านเขียว” ได้มรณภาพไปแล้ว ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๙ ณ วัดคงคาวดี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดหรงบนนัก และเป็นเส้นทางเดินผ่านมาจากบางตะพงษ์นั่นเอง การจัดการศพของท่านนั้น พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ เจ้าอาวาส วัดคงคาวดี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน ได้ตั้งศพของพ่อท่าน ไว้ที่วัดคงคาวดีหนึ่งคืน พร้อมทำการสวดอภิธรรม เพื่อให้บรรดาสานุศิษย์ได้เคารพศพพ่อท่าน
จากนั้นรุ่งขึ้นจึงนำศพของพ่อท่านเดินทางไปยังวัดหรงบน ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านรู้ข่าว ต่างพากันมาร่วมไว้อาลัยพ่อท่านมากมาย และมีการสวดอภิธรรมจนครบ ๓ คืน ระหว่างงานสวดอภิธรรมนั้นได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยบรรดาลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือพ่อท่าน ต่างต้องการแสดงความกตเวทิตคุณ ตามประเพณีงานศพของทางภาคใต้ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นถิ่น คือทำการจุดดินปืนที่ใส่ “กระบอกเหล็ก” ยาว ๑ ศอก (ประเพณีนี้คนภาคใต้นิยมจุดกัน) คล้ายกับพลุเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ไกลออกไปได้ทราบว่ามีงานศพ ปรากฏว่าการจุดในคืนแรก ดินปืนด้านหมดทั้งสามลูก ไม่ยอมดังหรือติดเลยแม้แต่ลูกเดียว

ต่อมาคืนที่สอง ลูกศิษย์เริ่มจุดอีกช่วง ๑๘.๐๐ น. ปรากฏว่าครั้งนี้จุดทั้งหมดห้าลูก แต่ก็ด้านหมดทุกลูก ไม่ดังและไม่ติดเช่นเดียวกันกับคืนแรก ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ ต่างพากันประหลาดใจ ว่าเป็นเพราะเหตุใด จากนั้นพอคืนที่สาม ลูกศิษย์ผู้ที่จุดดินปืนก็ ไม่ยอมลดละ ได้ทำการจุดดินปืนที่เตรียมมาใหม่ ในเวลาเดิม ๑๘.๐๐ น. แต่ปรากฏว่าจุดไม่ติด เช่นกันกับสองคืนแรก
จะมีก็เพียงควันพวยพุ่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่ยอมระเบิดเลยแม้แต่ลูกเดียว ทำให้ผู้ที่จุดงวยงงสงสัย ว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ กระทั่งหลังการบำเพ็ญกุศลเรียบร้อย ก็จะทำการฌาปนกิจศพพ่อท่าน ตามประเพณี แต่บรรดาลูกศิษย์ต่างแตก ความคิดกันออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอยากให้เผาศพพ่อท่าน แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ ให้เก็บศพพ่อท่านไว้ไม่อยากให้เผา
แต่เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เผาศพพ่อท่าน จะได้หมดห่วงหมดกังวล จึงทำให้ ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา ทำการต่อรองขอว่า “ถ้าเผาศพพ่อท่านครบ ๑ ชั่วโมงแล้วไม่ไหม้ ขอให้เก็บศพไว้บูชา” ทุกฝ่ายจึงต่างก็ตกลงกันได้ด้วยดี
การฌาปนกิจศพ “พ่อท่านเขียว” ได้ทำการตั้งเมรุเผากันที่กลางลานวัด โดยใช้ไม้ฟืนที่ชาวบ้านช่วยกันนำมาโดยใช้เหล็กสามท่อน วางรองโลงศพต่างเชิงตะกอนแบบง่ายๆ เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงรอเวลาทำการเผาตามประเพณี แต่พอถึงเวลากลับไม่มีใครกล้าจุดไฟเผาพ่อท่านเลย ดังนั้น นายเหลี้ยง ชนะเสน เถ้าแก่โรงสี บ้านใสหมาก อ.เชียรใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์พ่อท่านอีกผู้หนึ่ง จึงเป็นผู้อาสาจุดไฟเอง โดยไม่ลืมทำพิธีขอขมาศพพ่อท่านก่อน แล้ววานท่านอาจารย์เพชร เป็นผู้จุดไฟที่ดอกไม้จันทน์ที่ตนถืออยู่ก่อน จากนั้นนายเหลี้ยงจึงทำการจุดไฟที่กองฟืนทันที ชั่วครู่ไฟจึงค่อยๆลุกลามขึ้นไหม้ทั้งดอกไม้จันทน์
ที่บรรดาญาติโยมนำไปวางไว้ทั้งด้านบนและด้านข้างโลงศพ และฟืนที่รองอยู่ จนควันโขมงและค่อยๆโหมแรงขึ้นๆจนท่วมโลงศพ และฟืนที่สุมอยู่ โดยมี “ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา” ต่างก็คอยจับเวลาดูนาฬิกา ว่าจะครบ ๑ ชั่วโมงเมื่อใด ไฟได้โหมแรงขึ้นๆจนกองฟืนที่สุมไว้ไหม้เกือบหมดแล้ว แต่เวลาก็ยังเหลืออีกมากทำให้ “ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา” ต่างออกอาการหงุดหงิดตามๆกัน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่เร่งเวลาให้ครบชั่วโมงโดยเร็ว แต่ไฟได้ไหม้ทั้งฟืนและโลงศพจนหมดก่อน ที่ผู้ที่จับเวลาจากนาฬิกาที่มีถึงสามคน จากทั้งสองฝ่าย ก็ได้ตะโกนบอกว่า “ครบชั่วโมงแล้ว”
เสียงฆ้องเสียงระฆัง จึงตีรัวดังขึ้น ตามที่นัดหมายกันไว้ นาทีนั้นโดยไม่มีใครคาดคิด นายเหลี้ยง ผู้ที่ทำการจุดไฟรีบวิ่งเข้าไปยังกองไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ แม้จะเริ่มมอดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังมีไฟลุกอยู่เป็นส่วนมาก แต่ นายเหลี้ยง ไม่นำพาและไม่ได้หวาดหวั่นกับไฟที่ยังคุกรุ่นเหล่านั้นเลย กลับเดินแหวกควันไฟเข้าไป พร้อมเอามือช้อนลงอุ้มศพของพ่อท่านขึ้นให้ทุกคนดู ปรากฏว่าศพของพ่อท่านเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยใดๆ ให้เห็นว่าผ่านการถูกเผามาเลย แม้แต่จีวรก็ยังเหลืองอร่ามไม่มีร่องรอยถูกเผาเช่นกัน
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จึงต่างส่งเสียงดังลั่น ส่วนนายเหลี้ยง ที่ใช้มือช้อนใต้ศพ จึงถูกเหล็กรองโลงศพเข้าเต็มๆ แต่แทนที่เหล็กจะร้อนเพราะถูกไฟเผา ปรากฏว่าเหล็กรองโลงศพพ่อท่านเขียวกลับเย็นเฉียบ ไม่มีความร้อนดั่งเช่นเหล็กที่ถูกไฟเผามาก่อนเลย ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างงงงวยกันยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นเรื่องที่สุดอัศจรรย์โดยแท้ พอได้สติบรรดาญาติโยมต่างเฮโลไปรุมฉีกจีวรของพ่อท่านเก็บไว้ จนจีวรที่ห่อหุ้มร่างของพ่อท่านหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ
เรื่องที่เล่ามานี้นับเป็นเรื่อง “อัศจรรย์” และ “เหลือเชื่อ” อย่างยิ่ง แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ไปร่วมงานฌาปนกิจศพพ่อท่าน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ทุกคนยืนยันได้ เพราะผู้ที่เล่าเหตุการณ์นี้ก็คือ “นายเหลี้ยง ชนะเสน พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ ท่านอาจารย์ขำ วัดหงษ์แก้ว” รวมทั้ง “นายตั้ง” ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ไปร่วมงาน ต่างยืนยันได้ทุกคน แสดงว่าบุญบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของ “พ่อท่านเขียว” นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะเพียงแค่ “ท่านมรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย” ก็ถือว่าอัศจรรย์อยู่แล้ว แต่นี่ “เผาไม่ไหม้” แม้แต่จีวรที่ห่อหุ้มร่างกายท่านก็ยังไม่ไหม้อีกด้วย
ปัจจุบัน “ศพของพ่อท่าน” ก็แข็งเป็นหินไปแล้ว สรีระของท่านแข็งและแกร่งมาก แต่คงเค้ารูปแบบเดิมทุกประการเพียงแต่แห้งลงไปบ้างเท่านั้น ขณะนี้ทางวัดได้นำ “สรีระของท่าน” ใส่โลงแก้วไว้ เพื่อให้ผู้คนทั่ว ไปได้กราบ ไหว้บูชาและได้ชม สรีระของพ่อท่านด้วยตัวเอง เพราะหากใครได้ไปกราบ “ร่างพ่อท่าน” สักครั้ง ก็นับเป็นบุญอย่างยิ่ง

พ่อท่านเขียว เป็นผู้รู้วาระจิต รู้กำหนดวันมรณภาพ โดยท่านได้พูดกับลูกศิษย์เมื่อปี๒๕๑๘ ว่า ท่านจะมรณภาพในวันเสาร์หลังสงกรานต์    


ปีหน้า ซึ่งก็เป็นจริง พอถึงวันเสาร์เดือน ๗ ขึ้น ๑ ค่ำ ปี ๒๕๑๙ ท่านก็มรณภาพอย่างสงบ สิริรวมอายุ ๙๖ ปี ปัจจุบันสรีระอันอมตะของท่านแข็งเป็นหิน ประดิษฐานอยู่ในหีบแก้วที่วัดหรง

วัตถุมงคลที่พ่อท่านเขียว ท่านสร้างมีหลายอย่าง เช่น ผ้ายันต์รอยมือรอยเท้า เชือกคาด ลูกอมเทียน ชานหมาก พระปิดตา เหรียญ และรูปหล่อลอยองค์ ซึ่งพุทธคุณพระเครื่องที่ท่านปลุกเสกนั้น โด่งดังไปไกลทั่วประเทศเป็นที่เล่าขานสืบต่อมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าด้านคงกระพัน มหาอุด หรือเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ถือว่า พ่อท่านเขียว วัดหรงบน เป็นสุดยอดเกจิอันดับต้นๆของภาคใต้

เหรียญพ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก
เหรียญพ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก พ.ศ.2513

เหรียญพ่อท่านเขียว รุ่นแรก 2513 

1.เหรียญพ่อท่านเขียวเป็นเหรียญปั๊ม ฉะนั้น เหรียญนี้ ต้องปรากฏแรงกระแทกที่แรงมาก จุดแรก ให้ดูที คำว่า"พ่อท่านเขียว" จะเกิดแรงกระแทก จนมีรอยยุบรอบตัวหนังสือ ของเก๊ ทำได้ใกล้เคียง แต่รอยยุบไม่ติด


2.เส้นรัศมีด้านหน้า จะทิ้งดิ่งจากบนลงล่าง หรือเป็นแนวดิ่งกระจายทั้งด้านหน้า ของเก๊มีแต่ไม่คมเท่า 
3.จุดตาย ที่ของเก๊ทำไม่ได้ คือ เส้นแนวนอน ล่างไหปลาร้า เป็นเส้นที่เล็กมาก ภาพถ่ายไม่สามารถที่จะขยายให้เห็น  
4. รอยยุบ บริเวณรอบปาก กล่าวคือ เป็นรอยเหี่ยวของหลวงพ่อ ที่เกิดจากพิมพ์ และแรงกระแทก จะเป็นรอยยุบเป็นร่องลึกตามรอยเหี่ยว ของเก๊ มีแต่ไม่คม
5.เป็นจุดที่เกิดจาการแกะบล็อก ตรง"สระอี"จะปรากฏเนื้อกินขอบเหรียญเข้าไปในขอบ
6.จุดตายเหรียญด้านหลัง ที่เป็นพิมพ์นิยมเฉพาะพื้นที่นครฯเขาเล่น  คือ เบี้ย บี้ แบน คือ"สังเกตตรง ตัวเลขไทย ตรงเลข ๒ และ ๓ จะบี้แบนตามแรงกระแทก และในจุดบนสุดของยันต์ ตรงกลาง จะมีจุดอยู่ด้านใน (เยื้องไปทาง 10 นาฬิกา) อยู่ จุด
7.จุดที่เป็น"ตีนตะขาบ" หรือ บางคนเรียกว่า"เขี้ยว" จะปรากฏ เป็นจุด 
8.เส้นรัศมี ที่เป็นเส้นเฉียง จะต้องคมมาก ของเก๊มีเหมือนกัน
9.จุดที่เกิดจากแรงกระแทก จากด้านหน้ามาด้านหลัง จะต้องมีเนื้อปลิ้นมาด้านหลังทุกองค์
10. โดยภาพรวม เหรียญแท้ จะเด้งทุกเหรียญ และผิวพื้นเหรียญดูแล้วไม่เรียบ อาจเกิดจากการขัดพื้นแม่พิมพ์ไม่เรียบ ส่วนกะหลั่ยทอง จะมีความหลากหลายของสีกะหลั่ย เหมือนกะหลั่ยจะหนาและสุก ลักษณะเหมือนเปียกทอง กล่าวคือ ทองของเก๊ ทองจะบาง และถ้าเป็นทองใหม่ จะลบรายละเอียดของความคมลงมาก
11.จุดสำคัญในการดูเหรียญปั๊ม คือ ตรงหลังหูเหรียญ จะมีรอยเนื้อปลิ้น ที่เกิดจากแรงกระแทก จากด้านหน้า มาด้านหลัง 
12.รอยยุบตาม อักขรยันต์ และตัวหนังสือด้านหลัง จะปรากฏเป็นรอยลึกตามร่องตัวอักขระ และตัวหนังสือ ของเก๊ จะไม่ยุบเท่าของแท้
เหรียญพ่อท่านเขียว วัดหรงบล รุ่นแรก พ.ศ.2513
เหรียญพ่อท่านเขียว วัดหรงบล รุ่นแรก พ.ศ.2513
รูปเหมือนปั๊มกะไหล่ทอง พ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก
รูปเหมือนปั๊มกะไหล่ทอง พ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก
รูปเหมือนปั๊มรมดำ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก
รูปเหมือนปั๊มรมดำ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน รุ่นแรก
พระปิดตาพ่อท่านเขียว วัดหรงบล พิมพ์ท้องอุ
พระปิดตาพ่อท่านเขียว วัดหรงบล พิมพ์ท้องอุ

พระปิดตาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน พิมพ์ตะพาบ

พระปิดตาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน พิมพ์ตะพาบ


6 ความคิดเห็น:

  1. หลวงปู่เขียวท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆครับ วัดหรงบน ผมและครอบครัวไปบ่อยครับ ไปทำบุญเป็นประจำทุกปี

    ตอบลบ
  2. พ่อท่านเขียวเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ มีคนนับถือกันมาก มีลูกศิษย์ลูกหามาก
    ระยะหลังมีผู้หาเหรียญของท่านเป็นจำนวนมาก แต่ก็หายาก ยังไม่มีโอกาสไปนมัสการท่าน ถ้ามีโอกาสจะต้องไปนมัสการให้ได้

    ตอบลบ
  3. ดีครับ การไปนมัสการท่านจะได้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ16 กรกฎาคม 2554 เวลา 18:47

    บ่าวอีสานไปเป็นเขยใต้ได้มาหนึงเหรียญครับ เข้าตำราทุกจุดเลยเข้าชุดกับอ.ฝั้น รุ่น กว สายบาตร,หลวงปู่ชา เงิน ปี 18,หลวงตาบัวปี47 สุดยอดๆๆๆ

    ตอบลบ